เวลาขับรถยนต์สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกเลยคือความปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้อื่นที่อยู่รอบข้างแต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ผู้ขับขี่หลายคนประมาทหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงบางอย่างจนทำให้เกิดอุบัติเหตุจนได้ หากได้ฟังข่าวบ่อย ๆ ก็จะพบว่าผู้ขับขี่มักจะไม่มีสมาธิเวลาขับรถเนื่องจากทำอย่างอื่นควบคู่กับการขับรถหรือความประมาทเลินเล่อ ดังนั้นเพื่อเป็นการไม่ประมาทมาดูกันว่ามีพฤติกรรมอะไรบ้างที่ไม่ควรทำระหว่างขับรถ

- พูดคุยกับผู้โดยสารด้านหลัง

เวลาขับรถเดินทางไปกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดคุยกันแต่พฤติกรรมนั้นทำให้ผู้ขับเสียสมาธิได้ง่าย ๆ และยิ่งหันไปคุยกับคนที่นั่งด้านหลังไปด้วยล่ะก็ในจังหวะที่หันศรีษะไปคุยมีโอกาสเกิดรถชนท้ายด้านหน้าได้และไม่อยากนึกเลยว่าหากรถด้านหน้าของเราเป็นรถบรรทุกสิบล้อหรือรถพ่วงที่ขนแท่งเหล็กเกิดชนขึ้นมาโอกาสรอดยากมาก

-ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย

เป็นความประมาทอย่างที่สุดกับชุดความคิดที่ว่า "ไม่คาดเข็มขัดไม่เป็นไรหรอก" หรือใช้หัวเสียบเข็มขัดนิรภัยหลอก ในท้องถนนอะไรก็เกิดขึ้นได้แม้จะขับรถไปซื้อของหน้าปากซอยก็ตามโดยที่เข็มขัดนิรภัยนี้เป็นตัวช่วยที่ดีไม่ให้ผู้ขับกระเด็นออกไปข้างนอกและลดความเสียหายในช่วงลำตัวได้มาก ดังนั้นแล้วจึงควรคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่ขับรถทำให้เป็นนิสัยเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง (หากไม่คาดมีโอกาสโดนจับปรับได้)

-ขับรถมือเดียว

สำหรับคนที่ชำนาญหรือมีประสบการณ์ขับรถมาหลายสิบปีมักจะมีพฤติกรรมเช่นนี้กับการขับรถมือเดียวด้วยความที่คิดว่าตนเองขับมานานจับพวงมาลัยในท่าสบาย ๆ ก็ได้ เป็นแนวคิดที่ไม่ถูกต้องครับเพราะการขับรถมือเดียวจะทำให้การควบคุมรถยากเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขับรถตกหลุมหรือเหยียบสิ่งของบางอย่างที่อาจทำให้รถเสียหลัก ทางที่ดีควรจะจับพวงมาลัยสองมือในทิศ 9 นาฬิกาและ 3 นาฬิกาไม่ว่าจะขับมานานแค่ไหนก็ตาม

-ดื่มระหว่างขับ

ดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างขับรถทำให้เกิดอุบัติเหตุมานักต่อนักแล้วเพราะเหตุผลง่าย ๆ คือแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ให้ประสิทธิภาพการขับขี่ลดลงไม่สามารถควบคุมทิศทางรถให้เป็นเส้นตรงได้และขาดสติสัมปชัญญะ มันจึงเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งแถมยังมีสิทธิ์ที่จะโดนตำรวจจับด้วยในข้อหาเมาแล้วขับนับว่าเป็นโทษร้ายแรงแต่ถ้าหากเมาแล้วต้องขับจริง ๆ แนะนำให้แวะพักหลับให้หายเมาจะดีกว่า

-ขับรถเร็วเกินกำหนด

ใครที่คิดว่าขับรถเร็วแล้วจะควบคุมรถได้นั่นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์เพราะชั่ววินาทีที่รถเกิดการเสียหลักหรือต้องหลบสิ่งกีดขวางในย่านความเร็วสูงเช่น ณ ความเร็ว 180-220 กิโลเมครต่อชั่วโมงมีโอกาสเสียชีวิตสูงมากต่อให้มีระบบความปลอดภัยมากแค่ไหนก็ตาม ควรทำตามกฎหมายกำหนดไว้จะดีกว่าครับส่วนการขับรถในความเร็วสูงอาจทำได้บนทางด่วนหรือทำในสนามแข่งจะปลอดภัยที่สุดครับ

ขับรถจนขึ้นไฟสัญญาณเตือนน้ำมันหมด

เป็นลักษณะนิสัยการขับรถที่ไม่ดีเท่าไหร่ออกจะปล่อยปละละเลยไม่ดูแลรถของตัวเองเสียด้วยซ้ำและยังมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้หากน้ำมันหมดกลางทาง ยิ่งไปกว่านั้นการวิ่งจนสัญญาณไฟปรากฎจะทำให้เข็มวัดระดับน้ำมันเพี้ยนได้ส่งผลให้ตัวปั๊มติกที่เป็นตัวดูดน้ำมันทำงานหนัก แม้ว่ารถจะสามารถวิ่งได้สักระยะแต่เราก็เดาไม่ได้เลยว่าน้ำมันจะหมดลงเมื่อไหร่ฉะนั้นแล้วเมื่อน้ำมันใกล้หมดถังมีโอกาสก็แวะปั๊มน้ำมันดีกว่าครับ

หากใครที่มีพฤติกรรมทั้งหมดนี้ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ขอแค่มีวินัยในตัวเองครับ